พระลีลา หลวงพ่อซวง

        
     หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เป็นพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทางด้านไสยเวท ผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร ท่านจะให้ความอนุเคราะห์แก่ศิษย์และขาวบ้านทั่วไป โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ เท่าที่กิจของสงฆ์จะทำได้ เช่น การรับกิจนิมนต์ การรดน้ำมนต์ การแจกวัตถุมงคล เป็นต้น แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักเพียงใด ท่านก็ไม่เคยปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย ชาวบ้านแถบวัดชีปะขาว และบ้านใกล้เรือนเคียงต่างก็ให้ความเคารพนับถือ และยกย่องหลวงพ่อซวงเปรียบเสมือนบิดาของพวกเขา โดยจะเรียกหลวงพ่อซวงว่า “พ่อใหญ่” จนติดมาก สำหรับศิษย์หลวงพ่อซวงที่อยู่ต่างถิ่นแดนไกล ต่างเคารพยกย่องท่านมาก และให้สมญานามท่านอย่างยิ่งใหญ่ว่า “เทพเจ้าแห่งเมืองสิงห์”
          พระ ลีลาหลวงพ่อซวง เป็นพระหล่อแบบโบราณ ลักษณะโดยรวมเป็นพระพุทธรูปยืนในลักษณะเยื้องพระวรกายอยู่ในกรอบคล้ายสาม เหลี่ยมหน้าจั่วทรงชะลูด พระหัตถ์ขวาจะยื่นมาตรงพระอุระ (หน้าอก) พระหัตถ์ซ้ายทิ้งขนานกับพระวรกาย  พระบาทขวาแนบขนานกับพื้น ส่วนพระบาทซ้ายยกพระปราษณี (ส้น) ขึ้น แบ่งออกเป็น ๔ พิมพ์ ดังนี้
          ๑. พิมพ์ฐานตุ้ม เป็นพิมพ์แรกที่จัดสร้างขึ้น เอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ ที่ฐานจะมีลักษณะเป็นวงกลม เพื่อให้ตั้งบูชาได้ หลวงพ่อซวงตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้นำไปตั้งบูชา ไม่ต้องการให้นำไปห้อยคอบูชาติดตัว
          ๒.พิมพ์ใหญ่ พระพิมพ์นี้มีลักษณะเขื่องกว่าพิมพ์ฐานตุ้มเล็กน้อย เอกลักษณ์ที่เด่นชัดของพิมพ์นี้คือ บริเวณพระอุระ ใต้พระหนุ (คาง) จะมีตำหนิคล้ายตัววี ( V )คว่ำ และพระกร (แขน) พระเพลา (ขา) พระวรกาย จะใหญ่กว่าพิมพ์ฐานตุ้ม มองดูค่อนข้างล่ำสัน
          ๓.พิมพ์เศียรปลาไหล พระพิมพ์นี้เป็นการนำ พระลีลาพิมพ์ใหญ่ มาถอดพิมพ์ และแก้ไขตกแต่งใหม่ เอกลักษณ์ที่เด่นชัดของพิมพ์นี้ คือ รอยต่อระหว่างพระเศียรกับพระเกศ ซึ่งมี ๒ ขยัก จะตื้นเขิน ไม่เด่นชัดเหมือนพิมพ์ใหญ่ และพระกร พระเพลา พระวรกาย  จะเล็กเรียวกว่าพิมพ์ใหญ่ บางท่านจึงเรียกพระลีลาพิมพ์นี้ว่า “พิมพ์เศียรชะลูด”
          ๔.พิมพ์ใบข้าว  พระพิมพ์นี้เป็นการนำ พระลีลาพิมพ์ฐานตุ้ม มาถอดพิมพ์ และแก้ไขปรับปรุง ฐานเดิมให้เป็นฐานตัดแบบธรรมดา ตั้งบูชาไม่ได้ พระพิมพ์นี้เมื่อมองดูในลักษณะทั่วไป ตรงส่วนบนจะเรียวเหมือนใบข้าว จึงเรียกพิมพ์นี้ว่า “พิมพ์ใบข้าว” เอกลักษณะที่เด่นชัดของพระพิมพ์นี้คือ พระเศียรและพระเกศจะแลดูกลมกลืนกันไปคล้ายกับหยดน้ำ
          พระลีลาหลวงพ่อซวง มีหลายเนื้อ คือ เนื้อเงิน ทองแดง ทองเหลือง ตะกั่ว อลูมิเนียม และสัมฤทธิ์ (โลหะผสม) ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไป  สำหรับเนื้อพิเศษ คือ เนื้อผง เนื้องาแกะ ก็มีเช่นเดียวกัน แต่สร้างไว้น้อยมาก และพบเห็นได้ยาก มักจะตกอยู่กับญาติ และศิษย์ผู้ใกล้ชิดของหลวงพ่อเท่านั้น
 หลวงพ่อซวง ได้สร้างพระลีลาแจกหลายครั้งหลายคราว อยู่ในช่วง พ.ศ. ๒๔๘๕ ถึง ๒๕๐๗ โดยใช้แม่พิมพ์ทั้งหมด ๔ พิมพ์ สลับกันไป
          การสร้างพระ ท่านจะเลือกเอาวันที่มีฤกษ์ผานาทีดีทางไสยศาสตร์ เป็นวันจัดสร้าง เช่น วันที่ตรงกับเสาร์ห้า วันที่ตรงกับพิธีฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เป็นต้น  ในด้านของพุทธคุณ พระลีลาหลวงพ่อซวงมีประสบการณ์เด่นชัดทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และมหาอุด ที่เชื่อถือได้ ชนิดที่แมลงวันไม่ได้กินเลือดกันเลยทีเดียว
          ก่อนที่หลวงพ่อจะมอบพระลีลาของท่านให้แก่ผู้ใด ท่านมักจะเน้นอยู่เสมอว่า “ให้เก็บรักษาไว้ให้ดี ในภายภาคหน้าจะมีค่าเหมือนทองคำ” ซึ่งก็เป็นจริงตามคำกล่าวของท่าน เพราะในปัจจุบัน พระลีลาของท่านมีการเช่าหากันที่ระดับหลักหมื่นขึ้นไป และพุ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ

ที่มาข้อมูล : โดย คุณไพศาล  ถิระศุภะ

รูปหล่อโบราณ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาวจ.สิงห์บุรี




            รูปหล่อโบราณของพระคณาจารย์ ที่ได้รับความนิยมในวงการพระเครื่องเมืองไทยในอันดับต้นๆ ได้แก่ รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ (ออกที่วังหนองหลวง) จ.นครสวรรค์  รูปหล่อโบราณหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์ ฯลฯ รูปหล่อโบราณเหล่านี้ล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณ มีการเช่าหากันในวงการพระเครื่องค่อนข้างสูงมานานแล้ว
            รูปหล่อโบราณ ของท่านสร้างขึ้นโดยคณะกรรมการวัดได้ขออนุญาติจัดสร้างขึ้นเพื่อสมนาคุณผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างโบสถ์หลังใหม่
           คณะกรรมการวัดได้ไปว่าจ้างช่างหล่อ แถบหมู่บ้านบางมอญ ใกล้กับวัดสว่างอารมณ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จำนวนสร้าง ๔๐๐ องค์ เนื้อทองเหลือง สร้างโดยกรรมวิธีหล่อแบบโบราณ ซึ่งหลวงพ่อได้มอบแผ่นทองเหลืองชนวนที่ท่านลงอักขระเลขยันต์ไว้แล้ว นำไปเป็นส่วนผสมด้วย
           ลักษณะองค์พระ เป็นรูปหลวงพ่อซวงในท่านั่งสมาธิ ใต้ฐานเป็นเลขหนึ่งไทย เป็นร่องลึกลงไปในพิมพ์ หลวงพ่อได้นำพระทั้งหมดใส่ไว้ในบาตร แล้วนำไปปลุกเสกที่โบสถ์หลังเก่า ซึ่งเป็นโบสถ์แบบมหาอุด มีทางเข้าออกทางเดียว
           การปลุกเสกของหลวงพ่อซวง ท่านจะใช้วิธีพิเศษที่ไม่เหมือนใคร กล่าวคือ ท่านจะนำบาตรที่บรรจุรูปหล่อโบราณของท่าน ตั้งไว้หน้าพระประธาณในโบสถ์หลังเก่า คลุมด้วยผ้าขาว โดยท่านจะหมุนเวียนตำแหน่งที่นั่งปลุกเสกไปจนครบทั้ง ๔ ทิศ คือ ทิศเหนือ ใต้ ตก ออก ทิศละ ๑ ชั่วโมง รวมเวลาปลุกเสก ๔ ชั่วโมง
           หลังจากนั้น ท่านจะนำบาตรน้ำมนต์มาตั้งไว้หน้าบาตรที่บรรจุรูปหล่อโบราณดังกล่าว แล้วนำกระดานชนวนมาเขียนอักขระเลขยันต์ด้วยดินสอชนวน จนเต็มกระดานชนวน จากนั้นท่านได้กำหนดจิตเป่าพรวดไปที่กระดานชนวน สิ่งมหัศจรรย์ตามมา คือ อักขระเลขยันต์จะไปปรากฏลอยเด่นอยู่บนผิวน้ำในบาตรน้ำมนต์ แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อซวงท่านได้สำเร็จวิชา นะปัดตลอด ขั้นตอนต่อมาท่านจะนำน้ำพุทธมนต์นั้นมาประพรมบนผ้าขาว ที่คลุมบาตรบรรจุรูปหล่อโบราณดังกล่าวไว้จนชุ่มโชก เป็นอันเสร็จพิธีปลุกเสกพระตามตำราของท่าน
           คณะกรรมการได้นำรูปหล่อโบราณรุ่นนี้ ออกแจกจ่ายสมนาคุณแก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างโบสถ์หลังใหม่   โดยผู้ที่ร่วมบริจาค ๕๐ บาท จะได้รับแจกรูปหล่อโบราณ ๑ องค์ ซึ่งได้รับความนิยมกันมาก จนพระหมดอย่างรวดเร็ว
           รูปหล่อโบราณหลวงพ่อซวง จำแนกได้เป็น ๒ พิมพ์ พิมพ์แรกมีลำคอค่อนข้างยาว หน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย ฐานขององค์พระค่อนข้างหนา จึงเรียกกันว่า “พิมพ์ฐานสูง” จำนวน ๒๐๐ องค์ ส่วนพิมพ์ที่สอง มีลำคอค่อนข้างสั้นกว่าพิมพ์แรก หน้าไม่เชิด ฐานขององค์พระค่อนข้างบาง จึงเรียกกันว่า “พิมพ์ฐานเตี้ย” จำนวน ๒๐๐ องค์
           รูปหล่อโบราณทั้ง ๒ พิมพ์นี้ได้รับความนิยมพอๆ กัน ผู้ที่นำไปสักการบูชาติดตัวต่างได้รับประสบการณ์นานัปการ ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มหาอุด และคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ แบบครอบจักรวาลเลยทีเดียว
           ปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๕๔) มีการเช่าหารูปหล่อโบราณทั้ง ๒ พิมพ์นี้อยู่ที่ ๑-๓ แสนบาท ตามสภาพความสวยงามคมชัด คาดว่าในอนาคตอันใกล้ ราคาจะต้องทะลุหลักแสนกลางขึ้นไปอย่างแน่นอน
           ท่านผู้อ่านที่สนใจรูปหล่อโบราณหลวงพ่อซวง ขอให้ระมัดระวังไว้ด้วย เนื่องจากมี ของปลอม ระบาดอยู่ในตลาดพระหลายฝีมือ ซึ่งผู้ที่ทำของปลอมขึ้นมานั้นมิใช่ชาวสิงห์บุรี แต่เป็นชาวต่างถิ่นทั้งนั้น ทั้งนี้เนื่องจากชาวสิงห์บุรี ต่างให้ความเคารพนับถือ และยำเกรงในบารมีของหลวงพ่อซวงกันทั้งนั้น ตลอดจนมีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า ผู้ที่ทำปลอมรูปหล่อโบราณหลวงพ่อซวง จะต้องได้รับภัยพิบัติอย่างแน่นอน...ไม่ช้าก็เร็ว

ที่มาข้อมูล : โดย คุณไพศาล ถิระศุภะ